วันจันทร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

กิจกรรมกีฬาสี


                                    
                                   ผู้อำนวยการ  ทีปชัย  วงค์วรศรีโรจน์ ได้กล่าวการเปิดงานกีฬาสี


                                 ผู้อำนวยการ ทีปชัย  วงค์วรศรีโรจน์  ได้ตีฆ้องเพื่อเอาฤกธิ์เอาชัย


                                              การเดินขบวนของ ภาณุรังศี เพื่อเปิดงาน



                                             การเดินขบวนของ เเม้นนฤมิตร เพื่อเปิดงาน



                                            การเดินขบวนของ เยาวมาลย์อุทิศ เพื่อเปิดงาน


                                                           การเชียร์ของ ภาณุรังศี


                              การแข่งขัน วอลเลย์บอล ระหว่าง แม้นนฤมิตร กับ เยาวมาลย์อุทิศ




                                       การแข่งขัน ตระกร้อ ระหว่าง ภาณุรังศี กับ เยาวมาลย์อุทิศ

ชิวาวา

          เมื่อราวต้นศตวรรษที่ 19 บนแผ่นดินที่ปัจจุบันเป็นประเทศเม็กซิโก เคยมีอาณาจักรชื่อ Toltecs ปกครองดินแดนแถบนั้นอยู่อาณาจักรนี้รุ่งเรืองอยู่นานนับร้อยปี มีอารยธรรมและความเจริญต่าง ๆ มากมาย หนึ่งในนั้นคือการสร้างสุนัขพันธุ์ Techichi ซึ่งมีขนาดเล็กแต่กระดูกใหญ่ ขนยาว ลักษณะเด่นพิเศษคือเป็นสุนัขที่เงียบกริบ ถือกันว่า Techichi เป็นสุนัขพื้นเมือในแถบอเมริกากลางและเป็นต้นกำเนิดแห่งสายพันธุ์ชิวาวา
       หลักฐานสำคัญที่ยืนยันว่า Techichi เป็นสุนัขที่มีอยู่ตั้งแต่สมัย Toltecsคือรูปสลักสุนัขบนหิน เป็นรูปเต็มของสุนัขทั้งตัวซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกับชิวาวาในสมัยปัจจุบันอย่างมาก รูปสลักนี้ปัจจุบันอยู่ที่ Monastery of Auejotzingo ตั้งอยู่บนทางหลวงระหว่าง Mexico City กับ Pueblaอารามดังกล่าวสร้างขึ้นราวปี ค.ศ.1530 โดยคณะบาทหลวงฟรานซิสกัน แต่วัสดุที่ใช้สร้างมา
       จากปิรามิดเก่า ชื่อ Pyramids of Cholula ซึ่งสร้างขึ้นโดยชาวToltecs  นอกจากนี้ยังมีปิรามิดแห่งอื่นที่สร้างขึ้นในสมัย Toltecs และมีรูปสลักสุนัข Techichi อยู่ด้วย คือปิรามิด Chichen Itza ในแถบYucatan
       หลังจากอาณาจักร Toltecs ล่มสลายก็ถึงคราวของรุ่งเรืองของอาณาจักร Aztec ซึ่งเกิดขึ้นในบริเวณเดียวกับที่เคยเป็น Toltecs พื้นที่แถบนี้ปัจจุบันอยู่ใกล้กับเมือง Mexico City จึงมีผู้ค้นพบเศษซากโบราณวัตถุอยู่เสมอ และมักมีผู้อ้างว่าเจอหลักฐานเก่าแก่เกี่ยวกับต้นตระกูลสายพันธุ์สัตว์ต่าง ๆ  ส่วนหลักฐานของชิวาวานั้นถูกค้นพบในปี ค.ศ.1850 ที่โบราณสถานใกล้กับ Casas Grandes เชื่อกันว่าสถานที่แห่งนี้เคยเป็นวังของพระจักรพรรดิ Motezuma  ที่ 1 แห่ง Aztec
        
                                                               


          อาณาจักร Aztec ร่ำรวย  มีอายุหลายร้อยปีพระจักรพรรดิMontezuma ทรงเลี้ยงชิวาวาไว้ในวัง พวกชนชั้นสูงจึงเอาอย่าง ในสมัยนั้นแม้แต่ชิวาวาของเศรษฐียังเป็นที่ยกย่อง ส่วนตัวที่มีสีน้ำเงินถือเป็นสุนัขศักดิ์สิทธิ์ แต่อย่างไรก็ตามคนทั่วไปเห็นว่าสุนัขพันธุ์นี้ไม่ค่อยมีประโยชน์ มีเรื่องเล่าว่ามีคนกินชิวาวาเสียด้วยซ้ำ  ต่อมาใน ค.ศ. 1519 - 1520อาณาจักร Aztec ก็ล่มสลายลงบ้าง ความร่ำรวยและอารยธรรมต่าง ๆ ของAztec ไม่หลงเหลืออยู่ ชิวาวาจึงพลอยหายสาบสูญไปด้วย
          หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่กล่าวถึง Techichi ผู้เป็นต้นเค้าของชิวาวาไม่ได้มีแต่เพียงในเม็กซิโกเท่านั้น คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ยังเคยเขียนจดหมายถึงกษัตริย์แห่งสเปน กล่าวถึงการเดินทางไปยังเกาะซึ่งปัจจุบันคือประเทศคิวบา เขาเล่าว่าที่เกาะนั้นมี "สุนัขตัวเล็ก เงียบ ไม่เห่า และเชื่องมาก" นักโบราณคดีกล่าวว่าเป็นไปไม่ได้ที่ชาว Aztec จะนำสุนัขไปถึงคิวบาเพราะชนเผ่านี้ไม่ใช่นักเดินทะเล แต่สุนัขจะไปถึงที่เกาะนั้นได้อย่างไรยังไม่มีใครหาคำตอบได้
         สถานะของชิวาวาในยุค Toltecs และ Aztec ไม่ได้เป็นแค่เพียงสุนัขที่ผู้คนนิยมกันมากเท่านั้น แต่ยังเป็นสุนัขที่มีความสำคัญทางศาสนาด้วย กล่าวคือใช้เป็นสื่อกลางในการบูชาเทพเจ้า ใช้เป็นผู้นำทางวิญญาณไปสู่โลกแห่งความตาย รวมทั้งยังรับบาปแทนมนุษย์ได้ด้วย ด้วยเหตุนี้นักโบราณคดีจึงได้เห็นซากชิวาวาถูกฝังอยู่ในหลุมศพเดียวกับคนอยู่ทั่วไปในเม็กซิโกและบางส่วนของสหรัฐอเมริกา
        มีข้อสันนิษฐานที่น่าสนใจเพี่ยวกับชิวาวาประการหนึ่ง เสนอโดย K. de Blinde ข้าราชการชาวเม็กซิกันผู้ขี่ม้าท่องไปทั่วประเทศและเป็นนักสร้างสายพันธุ์ตัวยง เขากล่าวว่าชิวาวาเกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างTechichi กับสุนัขตัวเล็กไร้ขนที่มาจากเอเชีย สุนัขตัวเล็กนี้คล้ายกับที่มีอยู่ในประเทศจีนและสุนัขนี้เองที่ทำให้ Techichi มีขนาดเล็กลงไปจนเท่า ๆ กับชิวาวาในปัจจุบัน

    กระนั้นชิวาวาในปัจจุบันก็มีลักษณะแตกต่างจากบรรพบุรุษอยู่บ้างในเรื่องสีขน กล่าวคือมันมีสีสันหลากหลายตั้งแต่ขาวสว่างไล่ไปจนถึงดำสนิท ชาวเม็กซิกันนิยมสีดำแต้มด้วยสีแทน หรือสีขาวจุดดำ ส่วนชาวอเมริกันนิยมสีพื้นไม่มีแต้ม

        ปัจจุบันชิวาวาเป็นสุนัขที่ได้รับความนิยมมากในอเมริกา ชาวอเมริกันพัฒนาสายพันธุ์ชิวาวาโดยย่อให้มีขนาดเล็กลง แต่ยังคงรูปร่าง สัดส่วน รวมทั้งลักษณะนิสัยเดิมไว้ครบถ้วน คือ ฉลาดเฉลียวและกระตือรือร้น ชิวาวาเป็นสุนัขที่รักพวกพ้อง สนใจแต่พวกเดียวกัน ไม่ชอบยุ่งสุงสิงกับสุนัขพันธุ์อื่น โดยทั่วไปชาวอเมริกันนิยมเลี้ยงชิวาวาขนสั้นมากกว่าชิวาวาขนยาว และมันก็มีนิสัยรักพวกพ้องมากกว่าพวกขนยาวเสียด้วย
 มาตรฐานสายพันธุ์ชิวาวา  

       ลักษณะทั่วไป สง่างาม กระตือรือร้น เคลื่อนไหวคล่องแคล่ว รูปร่างกะทัดรัด หน้าตาทะเล้นดูสดใสน่ารัก
น้ำหนัก ไม่ควรหนักเกิน 6 ปอนด์ (ประมาณ 13.20 กิโลกรัม)
สัดส่วน    รูปร่างมีลักษณะลำตัวจะมีสัดส่วนของความยาวมากกว่าความสูงเล็กน้อย (ความยาววัดจากไหล่ไปจรดบั้นท้าย ส่วนความสูงวัดจากพื้นไปถึงจุดสูงสุดของไหล่ - withers) อย่างไรก็ตาม นิยมให้สุนัขตัวผู้มีลำตัวสั้นกว่าตัวเมีย
สุนัขที่หนักกว่า 6 ปอนด์จะไม่รับพิจารณาให้เข้าประกวด
หัว กะโหลกกลม มีโดมสูงเล็กน้อยคล้ายผลแอปเปิ้ล หน้าตาดูทะเล้น
ตา ตากลมโตแต่ไม่ปูดโปน ตาสองข้างอยู่ห่างกันพอดีและมีขนาดสมดุลกัน ดวงตาแวววาว สีตามีสีเข้มหรืออาจเป็นสีออกแดงทับทิมก็เป็นได้ ถ้าสุนัขมีขนสีอ่อนหรือสีขาว ดวงตาอาจมีสีอ่อนได้
         หู หูใหญ่ ชี้ตั้ง เอียงออกด้านข้าง 45 องศา ทำให้ดูมีพื้นที่ระหว่างหูทั้งสองข้างกว้างขึ้น ถ้ามีสิ่งเร้าหูจะชี้ตรงขึ้น ถ้าหูตกหรือถูกตัดหูจะไม่รับพิจารณาให้เข้าประกวด
ส่วนจมูกกับปาก (muzzle) สั้นพอสมควร ชี้ตรงมาข้างหน้า แก้มและขากรรไกรเอนลาดไปด้านหลังจมูก สุนัขขนสีอ่อนหรือสีบลอนด์จะมีจมูกสีเดียวกับขน หรือสีดำ หรือสีชมพูก็ได้ ส่วนสุนัขขนสีเทาดำ สีน้ำเงิน หรือสีช็อคโกแลต สีจมูกก็จะเป็นไปตามสีขนเช่นกัน
การกัดงับ    ปลายฟันบนสบกับปลายฟันล่างพอดี หรือฟันบนครอบฟันล่างชิดสนิท ไม่เหยินออก ถ้าฟันบนเหยินออกหรือฟันล่างครอบฟันบนในการประกวดจะถือว่าเป็นข้อบกพร่องร้ายแรง 
         คอ  โค้งเล็กน้อยแล้วลาดลงสู่ไหล่อย่างสวยงามแนวหลัง  ตรง
ลำตัว ซี่โครงกางออกเป็นรูปกลม (แต่ไม่มากขนาดทำให้สุนัขมีรูปร่างเหมือนถังเบียร์)
หาง ยาวพอสมควร หางโค้งเป็นรูปเคียว ชี้ขึ้นหรือจะเอียงออกด้านข้างก็ได้ หรือจะงอมากจนปลายม้วนขึ้นมาแตะหลังก็ได้ หางต้องไม่ตกลงไปจุกก้น ถ้าสุนัขถูกตัดหางหรือมีหางกุดจะไม่รับพิจารณาให้เข้าประกวด
ไหล่ ไหล่ลาด เอียงไปสู่แนวหลัง(แต่ต้องไม่ต่ำกว่าแนวหลัง) บริเวณส่วนบนของขาหน้ากว้างและรองรับไหล่ได้ดี ขาหน้าตรง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ข้อศอกขาหน้าเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ  ไหล่ต้องแข็งแรงเพื่อสร้างสมดุลของร่างกายและทำให้สุนัขดูมีพละกำลัง มีช่วงอกกว้างสมบูรณ์ (แต่ไม่ถึงกับเหมือนพวกบูลด็อก) 
เท้า เท้าเล็กดูกระจุ๋มกระจิ๋ม นิ้วเท้าแยกจากกันชัดเจนแต่ไม่กางออก อุ้งเท้าหนานุ่ม นิ้วเท้าไม่แบนราบ นิ้วเท้าคู่ที่อยู่ด้านในไม่ยาวยื่นกว่าสองนิ้วด้านนอกจนเกินพอดี และเท้าต้องไม่กลมมนหรือมีนิ้วเท้าเบียดชิดกันเกินไป
ข้อเท้า สวยงามแข็งแรงดี
         ลำตัวส่วนท้าย มีกล้ามเนื้อสมบูรณ์แข็งแรง ข้อศอกขาหลังอยู่ห่างกันอย่างพอเหมาะ ไม่กางออกหรือหุบเข้า ขาตรง มั่นคง เท้าหลังมีลักษณะเหมือนเท้าหน้า
ขน ชิวาวาขนสั้น : ขนต้องนุ่ม เกรียน และเป็นมันวาว (สุนัขอาจมีขนหนาและมีขนสองชั้นได้) บริเวณคอควรมีขนหนาฟูเล็กน้อย ส่วนบริเวณหูและหัวควรมีขนน้อยกว่าและสั้นเกรียน ขนที่หางควรหนา ยาว และฟูเล็กน้อยเช่นกัน
 ชิวาวาขนยาว : ควรมีขนชั้นใน ขนอาจตรงหรือหยิกเล็กน้อยก็ได้แต่ต้องนุ่ม สุนัขควรมีขนหนา ยาว และฟูเล็กน้อยที่ขา เท้า และสะโพกขาหลัง รวมทั้งที่แผงคอและรอบคอ ต้องมีขนที่ขอบหูด้วยแต่ถ้าขนหนาเกินไปอาจเล็มออกได้บ้าง หูต้องไม่พับลง ส่วนขนที่หางต้องยาว หนา และฟู
         ถ้าชิวาวาแบบขนยาวมีขนบางเกินไปจะไม่รับพิจารณาให้เข้าประกวด
สีขน สีอะไรก็ได้ สีพื้น สีแต้มอย่างชัดเจน หรือสีที่แต้มอย่างกระจัดกระจายก็ได้
การก้าวย่าง ควรเคลื่อนไหวอย่างแคล่วคล่องว่องไวแต่มั่นคง มั่นใจ ขาหน้าเหยียดยื่นออกไปได้ดีพอ ๆ กับที่ขาหลังส่งแรงผลักได้อย่างทรงพลัง เมื่อมองจากทางด้านหลังข้อศอกขาหลังทั้งสองข้างขนานกัน เมื่อก้าวเดินขาหลังก้าวตามขาหน้า เมื่อวิ่งขาทั้งสี่จะเอนเข้ามาแนวกลางลำตัว หัวตั้งตรง แนวหลังยังคงดูแข็งแรงมั่นคงและเป็นแนวตรงเมื่อสุนัขเดินหรือวิ่ง
         อารมณ์  ตื่นตัวอยู่เสมอ กระตือรือร้น

นารูโตะ



        อุซึมากิ (うずまき) มีความหมายว่า "ขดเป็นวง" เป็นสัญลักษณ์ของจิ้งจอกเก้าหางที่โดนผนึกไว้ที่ท้องของนารูโตะ
       นารูโตะ มีความหมายได้สองอย่างคือ น้ำวน หรือ คะมะโบะโกะ (ลูกชิ้นปลาชนิดหนึ่งที่มีสีขาวและชมพูโดยมีลวดลายเป็นวงตรงกลาง) นิยมใส่ในราเม็ง ซึ่งเป็นอาหารโปรดของนารูโตะ
       นารูโตะ นินจาของหมู่บ้านโคโนฮะ สูง165ซม.หนัก40.1กก. ผู้ที่ถูกผนึกจิ้งจอกเก้าหางใว้ในท้องในช่วงที่เกิดใหม่ โดยโฮคาเงะรุ่นที่ 4 ผู้สละชีวิตตัวเองต่อสู้กับปีศาจจิ้งจอกเก้าหางและผนึกจิ้งจอกเก้าหางลงไปใน ตัวนารูโตะ จึงทำสามารถฝึกวิชาของรุ่นที่4ได้ง่ายกว่าใครๆอย่างกระสุนวงจักรและรวมทั้ง วิชาพื้นฐานด้วย เนื่องจากนารูโตะได้รับอิทธิพลมาจาก จิ้งจอกเก้าหางโดยตรงทำให้นารูโตะมีจักระที่เยอะมากกว่าคนอื่นในระดับเดียว กัน นารูโตะเติบโตมากับความโดดเดี่ยวที่ไม่มีพ่อและแม่ และมากกว่านั้นนารูโตะโดนนินจาผู้ใหญ่ในหมู่บ้านคนอื่นเกลียดชัง เนื่องจากหาว่ามีจิ้งจอกเก้าหางที่เคยมาทำลายหมู่บ้านอยู่ในร่างกาย อูมิโนะ อิรุกะอาจารย์ คนแรกของนารูโตะเป็นคนที่ให้ความสำคัญและดูแลเอาใจใส่นารูโตะเหมือนลูก อิรุกะเข้าใจความรู้สึกของนารูโตะเนื่องจากมีชีวิตในวัยเด็กเหมือนกัน ที่สูญเสียพ่อแม่ตั้งแต่เด็ก และ จิ้งจอกเก้าหางที่สิงอยู่ในร่างของนารูโตะนั้นเคยทำร้ายพ่อแม่ของครูอิรุกะ อีกด้วย 12 ปีต่อมานารูโตะตัวแสบของหมู่บ้านโคโนฮะเข้าสอบเพื่อเลื่อนเป็นเกะนินแต่ไม่ สำเร็จ และ ได้ถูกมิซึกิหลอกให้ไปเอาคัมภีร์ที่รวบรวมวิชานินจามาให้ เพื่อตนเองจะได้เอาไปและให้นารูโตะเป็นแพะรับบาป แต่ อิรุกะได้มาช่วยนารูโตะไว้ มิซึกิได้บอกว่าในตัวนารูโตะมีตัวจิ้งจอกเก้าหางอยู่ในตัว และ ได้ฆ่าพ่อแม่ของอิรุกะ นารูโตะได้เรียนวิชานินจากับซาซึเกะ,ซากุระ และ ครูคาคาชิซึ่งร่วมมือกันในภารกิจต่างๆในหน่วย 7 โดยเฉพาะภารกิจที่ช่วยคุ้มครองการสร้างสะพาน ตอนภาคสอง นารูโตะและซากุระพร้อมกันไปช่วย กาอาระ{คาเซคาเงะ}ที่โดนกลุ่มแสงอุษาลักพาตัวไป
ฉายา นินจาจอมเพี้ยน-นินจาอันดับหนึ่งด้านเหนือความคาดหมาย,แหกกฏ
นารูโตะเป็นนินจาที่ค่อนข้างจะโชคดีในเรื่องโชคลาภ เพราะในตอนที่จิไรยะเอาเงินของนารูโตะไปใช้เลยทำให้เงินหมด แต่เพราะไปเล่นเสี่ยงโชคขูดสลากครั้งเดียว

        นารูโตะสามารถเอาเงินกลับคืนมาได้หมดวิชานินจาที่นารูโตะใช้
  • คาถามหารัญจวญ เป็นคาถาที่ค่อนข้างต่ำทรามอย่างมากคือการแปลงร่างเป็นผู้หญิงเปลือยกายและมีเมฆคอยเซนเซอร์
  • คาถาฮาเร็ม จะเป็นการใช้คาถาแยกเงาพันร่างและคาถามหารัญจวญทำให้มีผุ้หญิงเปลือยกายมาก ผลก็คือทำให้คนนั้นเลือดกำเดาไหล ใช้ได้ดีกับจิไรยะ หรือ เซียนลามกเพื่อขอร้อง
  • คาถาแยกเงาพันร่าง เป็นท่าที่นารูโตะใช้มากสุดไม่เหมือนคาถาแยกร่างเพราะแยกเงาพันร่างทำให้ทุก ตัวมีตัวตนเพราะถูกโจมตีก็จะสลายหายไปโดยปกติจะแบ่งอย่างน้อยให้ได้ห้าคน เพื่อใช้ท่าลูกเตะนารูโตะ แต่ถ้าใช้จักระจิ้งจอกเก้าหางก็จะแบ่งได้ถึงพันร่างโดยแต่ละร่างจะถูกแบ่ง จักระให้เท่ากันทุกร่าง
  • กระสุนวงจักร(Rasengan) ท่าไม้ตายที่นารูโตะฝึกมาจากจิไรยะซึ่งนารูโตะใช้เวลาฝึกได้เร็วมากในช่วง ที่เขาสามารถทำกระสุนวงจักรได้นั้นได้ท้าพนันกับซึนาเดะว่าจะต้องเป็นเซียน ท่านี้ให้ได้ผลสรุปนารูโตะสามารถทำได้ นารูโตะนั้นเป็นคนที่ควบคุมจักระยากและไม่ค่อยได้ทันสังเกตศัตรูเลยทำให้ เป็นจุดอ่อนในช่วงนั้น แต่ด้วยคาถาแยกเงาพันร่างทำให้สามารถเฝ้าดูและสร้างพลังจากมือขวานารูโตะ ร่างจริงได้
  • กระสุนวงจักรบอลยักษ์(Oodama Rasengan) กระสุนวงจักรที่ดัดแปลงแล้ว ใช้นพุ่งไปโจมตีพร้อมกัน 2 ร่าง
  • คาถาลม กระสุนวงจักร (Fuuton: Rasengan) กระสุนวงจักรที่ดัดแปลงแล้ว ธาตุลม ถูกดัดแปลงเป็น คาถาลม กระสุนวงจักร
  • ดาวกระจายวงจักร(Fuuton: Rasenshuriken) (50%) ท่าไม้ตายสุดยอดที่นารูโตะก็จะได้รับผลกระทบด้วย โจมตีโดยทำลายเซลล์ของเหยื่อ ใช้การแปลงคุณสมบัติและแปลงลักษณะจักระ
  • ดาวกระจายวงจักร (100%) ดาวกระจายวงจักรที่ใช้ตอนเป็นโหมดเซียน สามารถขว้างและขยายได้
  • กระสุนวงจักรมหายักษ์ กระสุนวงจักรลูกใหญ่ที่ใช้ได้เฉพาะโหมดเซียน
  • กระสุนวงจักรคู่ กระสุนวงจักรที่ใช้ 2 มือ และในแต่ละมือมีกระสุนวงจักร 1 ลูก
  • คาถาอัญเชิญ คาถาที่ต้องทำสัญญากับสัตว์อัญเชิญด้วยเลือด โดยจะอัญเชิญเหล่ากบมาจากภูเขาเมียวโบคุซัน
  • โหมดเซียน วิชาที่นารูโตะใช้ได้สมบูรณ์แบบที่สุดในบรรดาทุกคนที่ฝึกมา จะมีแววตาคล้ายกบ ขอบตาสีแดง พลังงานมากขึ้น โดยใช้จักระเซียน ซึ่งได้จากธรรมชาติ แต่ก็มีหลายคนฝึกไม่สำเร็จ จนรวมเป็นหนึ่งกับธรรมชาติ(กลายเป็นรูปปั้นหิน)
  • จักระจิ้งจอกเก้าหาง เป็นจักระสีแดงอันชั่วร้ายของนารูโตะที่อยู่ในตัวมีพลังมหาศาลถูกใช้ครั้ง แรกตอนสู้กับฮาคุในศึกปกป้องสะพานซึ่งจักระจิ้งจอกเก้าหางมีมากมายมหาศาลที่ สุดในบรรดาสัตว์ทั้งเก้าหาง ซึ่งสามารถทราบได้ว่าคือหางที่ปลดปล่อยออกมา

ก่อนปลดปล่อยหางออกมามีพลังมากซึ่งนารูโตะมักจะใช้
       1 หาง ตอนประทะกับซาสึเกะในร่างอักขระสำหรับนารูโตะยังพอควบคุมได้
       2 หาง ตอนแค้นเดอิดาระที่ฆ่ากาอาระ ร่างแยกจะร้อนจนหายไป ควบคุมตัวเองไม่ได้,คาดว่ายังกลายร่างไม่เสร็จ
       3 หาง ควบคุมตัวเองแทบไม่ได้ มีพลังที่น่ากลัว
       4 หาง เสียสติ ร่างกายคลอบคลุมไปด้วยเลือด มีพลังที่น่ากลัว เพราะแค้นโอโรจิมารุที่เอาตัวซาสึเกะไป
       5 หาง 
       6 หาง เกิดจากแค้นที่เพนทำร้ายซากุระ รูปร่างคล้ายตอน 4 หางแต่มีกระดูกคลอบคลุมร่างกายด้วย และมี 6 หาง และสามารถทำลาย ผนึกสกด(สร้อยคอของซึนาเดะ)ได้
       7 หาง 
       8 หาง ร่างที่ใกล้เคียงกับจิ้งจอกเก้าหางที่สุด เริ่มมีกล้ามเนื้อ และเมื่อถึงหางนี้ รุ่นที่ 4 จะโผล่มาในตัวนารูโตะ
      9 หาง ตอนนั้นนารูโตะได้เข้าสู่หางที่ 9 แต่รุ่นที่ 4 ได้มาขัดขวางเสียก่อน (คาดว่าจะกลายเป็นจิ้งจอกเก้าหาง)